เล่าประสบการณ์ไปเที่ยวอิตาลีมา มีหลายอย่างเหมือน/ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้

อุณหภูมิ ๓ - ๑๓ องศาเป็นอะไรที่ทรมานเอามากๆเลยค่ะ
ใส่เสื้อยืด ใส่เสื้อฮู๊ด ทับด้วยเสื้อกันหนาวอีกสองชั้นยังเอาไม่อยู่เลย
เราไปทัวร์สามสิบคน ดีมากๆเลย หัวหน้าทัวร์คนเดียวสามารถ
จัดการอะไรทุกอย่างได้สบายๆแบบมือโปรมากๆ เมืองที่เราไปเมืองแรกหลังจากลงจากสนามบิน
กรุงโรม > อุณหภูมิเฉลี่ยแปดเก้าองศาได้ หนาวอยู่
เหมือนกัน หนาวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่แดดนี่ไม่ต่างจาก
กลางแจ้งเมืองไทยเลยแหละ = ='' ที่ไปเดินก็
คือจตุรัสมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ใครดูเรื่องเทวากับซาตาน
ก็น่าจะรู้ แค่รูปปั้นนักบุญเปโตร(ปีเตอร์)ก็ใหญ่ยักษ์กว่าตัวคนหลายเท่าแล้ว
แถมต้องจ้างไกด์หน้าม้าแถวๆนั้นนำเข้าโบสถ์ด้วยนะคะ
ไม่งั้นเค้าไม่ให้เราเข้าไป  ขอบอกว่าโบสถ์ใหญ่ยักษ์เอามากๆ
องครักษ์สวิส(เขียนถูกมั้ยนะ)หล่อกระชากจิตจริงอะไรจริงมากๆ -.,-///
ไม่ใช่ผู้ใหญ่ด้วย เหมือนเป็นเด็กยังหนุ่มๆอยู่เลย
มองจากด้านหน้าทางโบสถ์ไปทางซ้ายจะเป็น
ที่พำนักของพระสันตะปาปา อยู่ชั้นบนของตึก พอจบจากโบสถ์ก็เดินไป
น้ำพุเทรวี่ ที่เขาบอกกันว่าให้หันหลังโยนเหรียญลงไปจะได้กลับมาโรมอีก
ครั้ง น้ำพุเป็นรูปเทพโพไซดอนค่ะ สวยมากๆแดดเปรี้ยงมากด้วย
แน่นอนว่าคนก็ต้องเยอะมากๆ -_-
ด้วยเหมือนกัน เสร็จแล้วก็ไปที่จตุรัสบันไดเสปนค่ะ
คนเค้าจะมานั่งถ่ายรูปนั่งเล่นคุยเล่นกันตรงนี้ ตรงข้ามก็เป็น
พวกร้านกระเป๋าแบรนด์เนมปราด้า กุชชี่ อะไรมากมาย
ทำกระเป๋าแฟบได้ดีมากเลยจ้ะ  TwT

ปิซ่า > โดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวก็ต้องหอเอนเลย ใช่มั้ยล่ะ
อุณหภูมิไม่เท่าไหร่หรอก แค่ตอนเช้าออกมาก็ ๑ องศาเอง
เราประทับใจอีกอย่างคือ ตอนไปถึงเค้ากำลังเอา
ซากต้นไม้มาปั่นๆเป็นปุ๋ยเอาไปโรยหน้าดินค่ะ
ไม่เหมือนบ้านเราซักเท่าไหร่ เผาดะ ตัดๆๆเข้าไปเหอะ
หน้าหอเอนก็มีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมายเยอะเอามากๆ
ปิซ่าเป็นเมืองเล็กนะ แต่เค้าสามารถทำรายได้
อย่างมหาศาลเป็นก่อเป็นกำเลยล่ะ

ฟลอเรนซ์  >  บ้านเกิดของดาวินชี ศิลปินชั้นนำระดับโลกมากมาย
เป็นเมืองที่พอเรากลับไปโรงแรมรู้สึกว่าขาเล็กลงทันใด
เพราะนั่งรถบัสเข้าไปไม่ได้ค่ะ ก็เลยต้องเดินร่วมห้าหกกิโลเมตร อยู่
เมืองไทยยังไ่ม่รู้เลยว่าจะเดินได้ขนาดนี้รึเปล่า
อากาศก็๓ ถึง ๔ องศาค่ะ มันจะไม่เป็นไรเลยถ้า
มันไม่มีลม แต่มันมีลมพัดตลอด หนาวตับแข็งเลยจ้ะ
เราเดินไปชมจตุรัสดูโอโ่ม่หาวิหารซานตามาเรีย ตรงข้ามลาน
จตุรัสจะมีร้านเครื่องหนัง outlet อยู่
ถ้าเป็นย่อมๆอย่างเข็มขัดไรงี้ก็ยี่สิบสามสิบยูโรได้
ไม่อยากลังเลใจมาก็อย่าไปคิดเป็นเงินไทยนะ จะรู้สึกว่า
มันแพงขึ้นมาทันใดเลย แล้วก็จะมีคนเดินมาขายภาพวาด
วิวทิวทัศน์แบบต่างๆกับเรา ที่จริงเค้าไม่ได้
วาดหรอก แต่เค้าก๊อปมา แล้วก็่ค่อนข้างจะตื๊อซักนิดนึงด้วย
แล้วจากนั้นก็ขึ้นเขาไปดูรูปปั้นเดวิด เด็กหนุ่มผู้ฆ่ายักษ์ด้วย
ก้อนหินสามก้อน รูปปั้นเดวิดจะเป็นผู้ชายตัวสูง มีกล้ามเนื้อสมส่วน
มือถือก้อนหินเอาไว้ ที่ลำตัวมีสายหนังพาดเป็นเส้นใหญ่ๆไขว้อยู่
ไม่ได้หืื่นนะ แต่ก้นงอนเป็นบ้าเลย 555555555

เวนิส  > เมืองแห่งความโรเมนติคฝันหวานของคู่รักและใคร
หลายๆคนเลยทีเดียว ขอบอกว่าคุณฝันไม่ผิดหรอก
เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลายๆคนอาจจะเข้าใจผิดว่า
เวนิสเป็นเมืองท่าใช่มั้ยคะ มีเรือกอนโดล่าให้นั่งใช่มั้ย
มันไม่ใช่จ้า เวนิสมีเป็นร้อยเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นเวนิส
การนั่งเรือไปเกาะโน้นนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องหมูๆแบบที่เรา
นั่งเรือจ้างที่เมืองไทยนะ เค้าจะมีเอเย่นต์คอยดูแล
รับเหมาให้กับเรา อยากจะบอกซักนิดว่า อิตาลีก็
เป็นแหล่งกำเนิดของพวกมาเฟียเจ้าพ่อเหมือนกัน
คนพวกที่เป็นเอเย่นต์มาดเค้าก็จะออกแนวแบบนั้นๆหน่อย
แต่ไม่มีอะไรหรอก พอเจอเอเย่นต์แล้วเค้าก็พาไปขึ้นเรือ
ใครที่คิดว่าเวนิสมีแดดแล้วอุ่น คุณคิดผิดพันเปอร์เซ็นสำหรับในเดือนมีนา
คมนี้ ตั้งแต่โรม ปิซ่า ฟลอเรนซ์มา เวนิสลมแรงที่สุดแล้วจ้ะ
หนาวที่สุด ยะเยือกที่สุด แอบทรมานที่สุด มือแทบจะขยับไม่ได้เลย
ใครคิดจะไปล่ะก็เตรียมถุงมือไว้เลย ''= =''
สำหรับฤดูหนาวนะ พอไปถึงเกาะเวนิส
ใครดูเรื่องหนีตามกาลิเลโอแล้วมาที่เกาะนี้จะนึกฉากบางฉากออกว่าเค้า
ถ่ายกันยังไง ตรงไหน เวนิสมีชื่อิเสียงอย่างแรกก็ต้องปาร์ตี้หน้ากากใช่มั้ย
แนะนำว่าใครจะไปเวนิส อย่าซื้อของหน้ากากบนเกาะ มันแพงกว่าเยอะ
ให้ไปซื้อตรงลานเข้าท่าเรือ
บนฝั่ง เป็นคนจีนขายค่ะ พูดไทยได้ด้วยแต่ไม่ได้ชัดมากนะ
วันที่เราไปถึงเวนิส คืนก่อนหน้าเพิ่งจะมีงานปาร์ตี้หน้ากากไปเอง
เสียดายจัง จากนั้นก็ไปนังเรือกอนโดล่า คนแจวเรือของไทยได้ค่าจ้าง
ทีก็นิดเดียว ไม่คุ้มค่าแรงหรอกใช่มั้ย แต่คนแจวกอนโดล่าเค้า
แค่บิดข้อมือ หมุนไม้พายนิดเดียว(นิดเดียวจริงๆ)เค้าก็ได้ค่าแรงเป็นก่อเป็นกำแล้วผู้ชายแจวเรือกอนโดล่าบอกตามตรงว่าเป็นคนมีสเน่ห์มากๆค่ะ
พวกเค้าจะร้องเพลง เล่นกัน ยิ้มหวานตลอดให้กับลูกค้า
พอนั่งๆไปอยากฟังเพลงก็พูดไปว่า มิวสิคพลีส เค้าก็จะร้องให้เราฟัง
แล้งเมืองเวนิสก็เงียบมาก ไม่ใช่วังเวงนะ แต่เงียบแบบสงบๆน่ะ
ตึกด้านนอกดูโทรมๆนะคะ แต่ข้างในตกแต่งโมเดิร์นหรูหรามาก
โรงแรมที่แพงที่สุดในเวนิสก็ไม่พ้นที่ไหน ก็คือ โรงแรมฮิลตัน นั่นเอง
เวนิสมีปัญหาตรงน้ำท่วม ตึกบางตึกด้านล่างถูกน้ำกัดเซาะไปตั้งเยอะ
ลานที่เราเดินๆกันน่ะ เวลาน้ำท่วมทีก็จะเอาเก้าอี้มาวางแล้วเราก็
เดินไปตามเก้าอี้ที่เค้ามาวางไว้ ใครหกล้มหน้าทิ่มก็เตรียมตัวเปียยกได้เลย
อ้อ แล้วเรื่องห้องน้ำ อย่าคิดจะเข้าฟรี เพราะอากาศหนาวด้วย
เราไม่ชินด้วย ต้องจิบน้ำด้วย ค่าห้องน้ำหนึ่งคนคิดเป็นเงินไทยก็ หกสิบบาทค่ะ เสียไปรวมๆก็หลายร้อยแหละ แค้นเหมือนกันนะเนี่ย - -

เดีญวมาต่อที่ค.ห. หนึ่งเด้ออ จะเล่าเรื่องหน้าตาคนที่โน่นหรือวัฒนธรรม
ที่เราอาจไม่เคยรู้ให้ฟัง